วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558



อาหารบำรุงสมอง
กินให้ฉลาด ปูพื้นฐานสุขภาพที่ดี
วิตามินบี 1 ( Thiamine )
ประโยชน์ต่อสมอง และระบบประสาท
เนื่องจากวิตามินบี 1 เป็นส่วนสำคัญของระบบประสาท โดยเฉพาะในการนำกระแสความรู้สึกของเส้นประสาท ดังนั้นถ้าร่างกายได้รับวิตามินบี 1 ไม่พอก็จะทำให้เป็นโรคเหน็บชา คือมีอาการชาตามมือและเท้า แขนขาอ่อนแรง และหากขาดวิตามินบี 1 เป็นประจำก็จะทำให้มีอาการความจำเสื่อม ซึมเศร้า กระสับกระส่าย อยู่ไม่สุข ทำให้มีอาการสับสน
ประโยชน์อื่นๆ
·         วิตามินบี 1 ถือเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการเผาผลาญอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ซึ่งจะทำให้เกิดพลังงานในการทำสิ่งต่างๆ
·         ช่วยในการบำรุงหัวใจ
·         ทำให้กล้ามเนื้อมีแรง เคลื่อนไหวได้ดี แต่ถ้าขาดก็จะทำให้มีอาการใจสั่น ใจเต้นเร็ว เหนื่อยง่าย ละถ้าไม่รีบดูแลก็มีสิทธิ์เป็นโรคหัวใจโตได้
·         การกินอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี 1 จะช่วยในการแก้อาการเมาคลื่น และเมาอากาศได้
·         ช่วยรักษาอาการของโรคงูสวัดให้หายได้เร็วขึ้น
·         เพิ่มภูมิต้านทานโรค ทำให้แข็งแรงสุขภาพดี
·         ทำให้สดชื่นแจ่มใส
·         ทำให้เจริญอาหารมากขึ้น
·         ช่วยในการขับถ่าย ขับของเสียออกจากร่างกาย และป้องกันการท้องผูก
·         ช่วยบำรุงระบบสืบพันธุ์
·         ช่วยผลิตน้ำนมสำหรับคุณแม่เพิ่งคลอด
·         ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต
·         ช่วยนำออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมทั้งที่สมองของคุณด้วย
·         ป้องกันทั้งยังช่วยในการรักษาโรคพิษสุราเรื้อรัง
·         ช่วยในการขับสารตะกั่วออกจากร่างกาย
·         ป้องกันและบรรเทาอาการเป็นโรคโลหิตจาง
อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 1
หมู ปลา ไก่ ตับ ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง ข้าวซ้อมมือ ข้าวเหนียว ถั่งแดง งาดำ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแระ ถั่วลันเตา ถั่วพู รำข้าว ยีสต์ที่มักพบได้ในขนมปังแป้งหมัก



แนะนำอาหารที่มีวิตามินบี 1

ถั่งเหลือง



ถั่วเหลืองช่วยในการบำรุงระบบประสาทและสมองให้ทำงานได้เต็มที่มีประสิทธิภาพ
ช่วยเพิ่มความจำ และยังช่วยลดไขมันและคอเลสเตอรอลในร่างกาย จึงช่วยป้องกันโรคทางสมองที่เกี่ยวกับหลอดเลือด
มีประโยชน์อีกมากมาย
ช่วยป้องกันโรคที่เกิดกับกระดูก โดยเฉพาะโรคกระดูกพรุน เพราะถั่วเหลืองอุดมไปด้วยแคลเซียมสูง
ไฟเบอร์ที่มากพอในถั่วเหลืองจะช่วยในการป้องกันการเป็นโรคท้องผูก ถั่วเหลืองได้รับการขนานนามว่าเป็น ราชาแห่งถั่ว เพราะถ้าคุณกินเป็นประจำจะช่วยป้องกันโรคหัวใจ ป้องกันการเกิดหัวใจล้มเหลว ภาวะหลอดเลือดแข็งตัว โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวานได้ เนื่องจากในถั่วเหลืองมีสารไอโซฟลาโวน หรือที่เรียกกันว่าเอสโตรเจนของพืช ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจนของเพศหญิง แต่จะมีฤทธิ์เบากว่า ซึ่งการที่ถั่วเหลืองมีสารนี้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของโลกหัวใจ โรคมะเร็งเต้านม โรคหลอดเลือดและยังช่วยลดอาการวัยทองได้อีกด้วย
การกินถั่วเหลืองเป็นประจำจะช่วยบรรเทาอาการลำไส้ทำงานเป็นปกติ และนอกจากนี้ก็ยังจะช่วยลดอาการของโรคบิดท้อง แน่นท้อง จุกเสียดได้
·         ช่วยกระตุ้นให้คนผอมแห้งอยากอาหารมากขึ้น
·         บรรเทาอาการแผลเปื่อยอักเสบได้
·         รสหวานของถั่วเหลืองจะช่วยในการบำรุงม้าม ขับร้อน ขับแห้ง และยังช่วยสลายน้ำ
วิตามินบี 2 ( Ribloflavin )
ประโยชน์ต่อสมอง และระบบประสาท
ช่วยในการบำรุงระบบประสารทให้ทำงานได้ดีขึ้น ทำให้สดใสขึ้น ผ่อนคลายความตึงเครียด และป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท
ประโยชน์อื่นๆ
·         ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันการเป็นโรคตาต้อกระจกตาฝ้าฟางพร่ามัว และโรคตาอื่นๆ หากขาดเริ่มต้นอาจเคืองตาน้ำตาให้มองเห็นไม่ค่อยชัด ตาสู้แสงไม่ได้ จากนั้นอาการอื่นๆ ก็จะตามมา
·         ช่วยให้เม็ดเลือดแดงคงสภาพดี ซึ่งเม็ดเลือดแดงก็จะไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายนั่นเอง
·         ช่วยในการเผาลาญอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต และไขมัน เพื่อให้เกิดพลังงานในการทำสิ่งต่างๆ ตลอดวัน
·         ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต โดยเฉพาะในเด็กๆ ที่อยู่ในวัยเจริญเติบโต
รักษาสุขภาพของผิวหนังให้สมบรูณ์ หากขาดวิตามินบี 2  ก็จะมีอาการริมฝีปากแห้ง มุมปากจะซีด หรือเป็นปากนกกระจอกหรือบางคนก็จะมีลิ้นสีแดงอมม่วง หากฟ้องที่ผิว ผิวคุณจะตกสะเก็ด แห้งแตก และหากเกิดกับผมก็จะแห้งและร่วงง่าย
อาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี 2  
เนื้อสัตว์ต่างๆ เนย ไข่ ยีสต์ ตับ ผักสีเขียวต่างๆ ตับไก่ ฟักทอง ถั่งเหลือง นม ซึ่งนมจะมีปริมาณวิตามินบี 2  มากกว่าวิตามินบี 1  ถึง 4 เท่าเลย
แนะนำอาหารที่มีวิตามินบี 2
ฟักทอง


เนื้อของฟักทองอุดมไปด้วยสารบำรุงสมอง และระบบประสาท และแม้แต่น้ำมันที่สกัดจากเมล็ดฟักทองที่มีรสหวานมันก็สามารถนำมากินเพื่อบำรุงประสาทได้ด้วย
ประโยชน์อื่นๆ
·         การกินฟักทองเป็นประจำจะช่วยในการบำรุงไต และตับให้ทำงานได้ดี
·         ช่วยในการป้องกันอาการของโรคเบาหวานได้ โดยให้ต้มเนื้อฟักทองประมาณ 250 กรัมกับน้ำ แล้วดื่มก็จะช่วยบรรเทาอาการได้ดีมาก
·         บำรุงสายตาให้มองเห็นได้ชัดเจน และป้องกันอาการของโรคต่างๆ
·         สารเบต้าแคโรทีนในฟักทองช่วยป้องกันโรคผิวหนังบางชนิดได้อีกด้วย
·         ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งที่กระเพาะปัสสาวะในผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดี
·         บรรเทาอาการปวดเมื่อยตามข้อต่อ เอว และหลัง
เนื่องจากฟักทองมีคาร์โบไฮเดรตที่ให้แคลอรีต่ำ และยังเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ช่วยบำรุงแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ส่วนบน ทำให้แผลหายเร็ว ทั้งยังบรรเทาอาการปวดท้องได้ กินเมล็ดฟักทองจะช่วยบรรเทาอาการหอบหืดจากสาเหตุของหลอดลมอักเสบเรื้อรังในผู้สูงอายุ กินเนื้อที่อยู่ข้างในของเมล็ดฟักทองดิบ 100 กรัม กินนานติดต่อกัน 3 วัน ก็จะช่วยถ่ายพยาธิไส้เดือนได้ด้วย บรรเทาอาการหอบหืดได้ด้วยการกินฟักทองนึ่งเช้าและเย็น ติดต่อกันนานสักสัปดาห์ ก็ช่วยบรรเทาอาการได้
วิตามินบี 3 หรือไนอาชีน  ( Niacin )
ประโยชน์ต่อสมอง และระบบประสาท
วิตามินบี 3 จะช่วยควบคุมการทำงานของสมอง และระบบประสาท บรรเทาความเครียด ช่วยให้สมองผ่อนคลาย และยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล จึงช่วยป้องกันโรคสมองที่เกี่ยวกับหลอดเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงสมองด้วย
หากขาดวิตามินบี 3 ก็จะทำให้มีอาการทางประสาทได้ คือมีอาการปวดศรีษะ  ร้อนรน นอนไม่หลับ ซึมเศร้า กังวล ความจำเสื่อม มีอาการสับสน ประสาทหลอน ถ้าหากรุนแรงมากก็จะมีอาการวิกลจริต  หรือทำให้เกิดความพิการทางสมองได้
ประโยชน์อื่นๆ
·         มีส่วนสำคัญในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีนให้เกิดพลังงาน
·         ช่วยรักษาสุขภาพผิวหนัง เนื้อเยื่อ เหงือก และลิ้น ให้ไม่อักเสบได้ง่ายๆ
·         ช่วยในการสังเคราะห์ฮอร์โมนเพศที่ร่างกายต้องการ
·         ป้องกันอาการที่เกี่ยวกับทางเดินอาหาร เช่น เบื่ออาหาร ท้องอืด ท้องเสีย แสบร้อนในคอ คลื่นไส้
·         อาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี 3
·         เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ปลา ถั่วต่างๆ นม ไข่ ธัญพืช มันฝรั่ง ผักสีเขียวต่างๆ
แนะนำอาหารที่มีวิตามินบี 3
มันฝรั่ง

กินมันฝรั่งเป็นประจำจะช่วยบรรเทาอาการปวดประสาทได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้หลับได้สนิทดี ถือเป็นการพักผ่อนสมองที่ดีเยี่ยม รวมทั้งยังช่วยในการรักษาความยืดหยุ่นของหลอดเลือดป้องกันการเป็นโรคทางสมองที่เกี่ยวกับหลอดเลือดได้
ประโยชน์อื่นๆ
ยา เฮโมสแตน  hemostat ที่ทำมาจากแป้งมันฝรั่งสังเคราะห์ และผ่านการสกัดจนบริสุทธิ์เป็นผงละเอียด จะใช้ในการทำให้เลือดแข็งตัว โดยใช้ช่วยห้ามเลือดขณะผ่าตัด ทำให้เสียเลือดน้อย และได้รับการอนุมัติจากองค์การและยาของสหรัฐฯ ให้ใช้ยานี้ได้ เมื่อปี พ.ศ.2544 มันฝรั่งต้มสุกนำมาหั่นเป็นแว่นบางๆ วางบนใบหน้าก็จะทำให้ผิวชุ่มชื่นนุ่มนวลน่าสัมผัส และนอกจากนี้ยังทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นด้วย โปตัสเซียมที่มีสูงในมันฝรั่งจะช่วยลดความดันโลหิตให้เป็นปกติได้ เนื่องจากในมันฝรั่งมีสารเซลลูโรสสูง จึงช่วยให้กินแล้วรู้สึกอิ่มง่าย และเหมาะกับสาวๆ ที่กำลังไดเอต นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงลำไส้ใหญ่ ป้องกันการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ ทั้งยังช่วยขับถ่ายได้ดีมาก
คุณสามารถบรรเทาอาการไข้ ป้องกันอาการชักจากการเป็นไข้หากกินมันฝรั่ง เนื่องจากมันฝรั่งมีโปตัสเซียมสูงมาก ที่จะช่วยลดไข้ ป้องกันการซักได้ ช่วยในการขับปัสสาวะให้เป็นปกติ บรรเทาอาการตะคริว บรรเทาอาการไขข้ออักเสบ บรรเทาอาการคางทูม ด้วยการนำมันฝรั่งมาสักผล นำมาฝนกับน้ำส้มสายชู แล้วทาบริเวณที่เป็นคางทูมพอแห้งแล้วก็ทาซ้ำ ไม่นานอาการบวมจะลดลงกินบ่อยๆ ป้องกันอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจ และป้องกันสภาวะเส้นเลือดใหญ่แข็งตัวได้
บรรเทาอาการไฟไหม้น้ำร้อนลวกด้วยการใช้น้ำคั้นจากมันฝรั่งมาทาบริเวณที่เป็นแผลบ่อยๆ
กินมันฝรั่งแต่พอดีจะช่วยในการย่อยอาหารได้
วิตามินบี 5 ( Pantothenic acid )
ประโยชน์ต่อสมอง และระบบประสาท
ช่วยในการบำรุงระบบประสาทให้เป็นปกติ เพราะวิตามินบี 5 นี้จะช่วยในการกระตุ้นต่อมอะดรีนัล และช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนสำคัญๆ เพื่อรักษาระบบประสาทให้ได้สมดุล นอกจากนี้ก็ยังป้องกันการหลับไม่สนิท อาการซึมเศร้า และอาการหงุดหงิด  กระวนกระวาย หวาดวิตกด้วย
ประโยชน์อื่นๆ
·         ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพที่ดี แข็งแรงสดใส
·         ช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค ทำให้ไม่ป่วยได้ง่ายๆ
·         ช่วยในการเผาผลาญอาหารประเภทโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน เพื่อทำให้เกิดพลังงาน
·         ช่วยเปลี่ยนคอเลสเตอรอลให้เป็นฮอร์โมนเพื่อใช้ในการต่อต้านความเครียด และวิตามินบี 5 หรือกรดแพนโธเทนิกนี้ก็ถือเป็นสารอาหารที่จะช่วยดูแลเรื่องอารมณ์โดยตรง ดังนั้นถ้าได้รับสม่ำเสมอก็จะช่วยให้มีอารมณ์ดี ไม่เครียดง่าย
·         ป้องกันการอ่อนเพลีย ทำให้กระปรี้กระเปร่า และหาขาดก็จะทำให้มีอาการไม่พึงประสงค์ต่างๆ เช่น อาเจียน ร้อนรน นั่งไม่ติดที่ กระวนกระวาย ปวดท้อง ท้องอืด ถ่ายยาก รู้สึกร้อนที่เท้า ชาตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
·         ทำให้ผมไม่ค่อยร่วง และไม่หงอกก่อนวัย บำรุงผมดกดำ
·         ทำให้เด็กเจริญเติบโต ไม่แคระแกร็น
อาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี 5
วิตามินบี 5 พบมากที่สุดในตับสัตว์ต่างๆ รองลงมาก็พบได้มากในเนื้อสัตว์ต่างๆ ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง ธัญพืช บริเวอร์ยีสต์
แนะนำอาหารที่มีวิตามินบี 5

ไข่


เนื่องจากเชื่อว่าไข่มีคอเลสเตอรอลค่อนข้างสูง และสารนี้หากกินในปริมาณที่กำลังดี คือไม่เกิน  3 ฟองต่อสัปดาห์ก็จะปลอดภัยซึ่งนี่ถือเป็นข้อมูลเดิม แต่ต่อมาสมาคมหัวใจของสหรัฐอเมริกา ได้ให้ข้อมูลใหม่ ว่าควรกินไข่วันละไม่เกิน 1 ฟอง คือให้กินได้มากขึ้น ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อสมองมากด้วย เนื่องจากคอเลสเตอรอลถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ต่างๆ สมอง และไขสันหลัง ดังนั้นการกินไข่ก็จะช่วยบำรุงส่วนสำคัญเหล่านี้โดยตรง นอกจากนี้ไข่ยังช่วยเสริมสร้างความจำได้อย่างดีเยี่ยมโดยเฉพาะในเด็กที่อยู่ในวัยกำลังเติบโตควรให้กินไข่เป็นประจำก็จะช่วยเรื่องสติปัญญาการเรียนรู้ได้
นอกจากนี้โรคทางสมองต่างๆ ก็สามารถบรรเทาหรือป้องกันได้ด้วยการกินไข่ ดังนั้นคุณหมอจึงมักแนะนำให้ผู้ป่วยได้กินไข่เป็นอาหารหลัก แต่หากกลัวเรื่องคอเลสเตอรอลหรือไขมันในไข่แดง ก็กินไข่ขาวมากกว่าไข่แดง
ประโยชน์อื่นๆ
·         ป้องกันภาวะเลือดจาง ทำให้ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางมีอาการดีขึ้นหากกินไข่เป็นประจำ
·         ช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด
·         ป้องกันความพิการแต่กำเนิด ดังนั้นคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ควรได้รับไข่เป็นเมนูประจำ
·         ช่วยในการพัฒนาการของเด็กที่อยู่ในวัยเจริญเติบโตให้เป็นปกติ
·         บำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ทำแผลหายเร็ว
·         ธาตุเหล็กในไข่มีคุณภาพทัดเทียมในเนื้อสัตว์ แต่ไข่จะย่อยง่ายกว่ามาก
·         ไข่กินแล้วดีเพราะช่วยบำรุงสายตาได้